ทำไม พลเรือนชาวยูเครนถึงถูกส่งมาฝึกในอังกฤษ ??
ย้อนไปปี 2015 กองทัพบกอังกฤษ เคยจัดการฝึกให้กับชาวยูเครน เพื่อทำการรบกับทหารรัสเซีย ที่เข้ามายึดครองดินแดน Crimea โดยจัดส่งชุดครูฝึก จากกองทัพบกอังกฤษ ร่วมกับชาติพันธมิตรจำนวนหนึ่ง ในนามของ Joint Multinational Training Group – Ukraine (JMTG-U) เข้าไปในยูเครน เพื่อฝึกในเรื่องทักษะทางทหารราบ การข่าว การส่งกำลังบำรุง และแพทย์สนาม โดยใช้ชื่อการฝึก ภายใต้รหัส Operation ORBITAL และยังคงทำการฝึกเรื่อยมา จนกระทั่งรัสเซียยกกำลังบุกเข้าพรมแดนยูเครนเมื่อ กุมภาพันธ์ 2022 อังกฤษเกรงว่ารัสเซียจะโจมตีค่ายฝึก จึงประกาศยุติ Operation ORBITAL ลง รวมแล้วได้ทำการฝึกกำลังพลของยูเครนไปแล้ว 22,000 นายโดยประมาณ
จนกระทั่งวันที่ 17 มิถุนายน 2022 นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ เดินทางไปที่เมือง Kyiv ได้เสนอตัวว่าจะทำการฝึกทหารให้กับยูเครนในดินแดนของอังกฤษ หลังจากนั้นเพียง 9 วันเที่ยวบินแรกของยูเครน ก็เดินทางมาถึงอังกฤษเพื่อเริ่มทำการฝึกโดยทันที นับว่าใช้เวลาสั้นมากในการเตรียมการ และเริ่มต้นการฝึกภายใต้รหัส Operation INTERFLEX ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2022 เป็นต้นมา
Operation INTERFLEX คืออะไร
Operation INTERFLEX
"Sustaining Ukraine in its fight"
ใช่แล้ว ความมุ่งหมายหลักของภารกิจการฝึกในครั้งนี้ก็คือ ทำให้ยูเครนคงสภาพความพร้อมรบเพื่อให้สามารถไปต่อสู้กับ รัสเซีย นั่นเอง โดยมีภารกิจ ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษได้เข้าใจง่าย สั้น กระทัดรัด ชัดเจน ดังนี้
Op INTERFLEX Mission: "Deliver flexible, scalable, credible and repeatable RECRUIT, JUNIOR LEADER & INSTRUCTOR train in order to.... Optimise the AFU's competitive edge"
ถ้าให้แปลเป็นภาษาไทย อาจจะหาศัพท์ที่ ง่าย สั้น ชัดเจนแบบนี้ลำบาก ถ้าแปลแบบ รวม ๆก็ประมาณว่า เราจะจัดการฝึกให้กับทหารยูเครนแบบที่ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ปรับเปลี่ยนขนาดตามความต้องการ เป็นที่เชื่อมั่น และเราสามารถฝึกซ้ำได้หลายรอบ โดยจะฝึกให้กับกำลังพล 3 กลุ่ม ได้แก่
- RECRUIT คือ ทหารเกณฑ์ จากพลเรือนที่ไม่เคยเป็นทหารมาก่อน
- JUNIOR LEADER คือ ผู้นำหน่วยขนาดเล็ก ระดับหมู่ หมวด
- INSTRUCTOR คือ ฝึกสอนครูฝึก ให้ไปฝึกกันเองต่อในประเทศ
ทั้งนี้ก็เพื่อ ปรับให้เหมาะสมที่สุดสำหรับ AFU (Armed Forces of Ukraine) ให้ได้เปรียบเหนือทหารรัสเซีย นั่นเอง
The mission focuses on the delivery of Lethal and Survivable Soldiers equipped with the Offensive Spirit required to win on the battlefields of Ukraine.
Multinational Sub-Units
นอกจากกองทัพอังกฤษ ที่เป็นชาติหลักใน Op INTERFLEX ยังมีชาติอื่น ๆอีกรวม 13 ชาติ (มีชาติใดบ้าง สังเกตจากธงชาติในภาพ) เป็นครูฝึก หรือสถานีฝึกย่อย ที่เรียกว่า Sub-Units แต่ด้วยความที่ถึงแม้ชาติต่าง ๆจะใช้ระบบ NATO Standard เดียวกัน แต่ก็มีหลายเรื่องที่ต่างกันบ้าง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ชาวยูเครนที่มาฝึกไม่สับสน UK C2 (HQ & Comd) จึงเป็นผู้ตรวจสอบให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน
แผนการฝึกในภาพรวม Overview Full Course Delivery
แผนภาพนี้แสดงภาพรวมของห้วงการฝึก 5 สัปดาห์ในกลุ่มของ RECRUIT, INSTRUCTOR และ JUNIOR LEADERS ในส่วนของหลักสูตร ผู้บังคับหมวด จะใช้เวลาฝึก 10 สัปดาห์ ซึ่งในแต่ละห้วง จะมีรายการกิจเฉพาะการฝึกซึ่งแบ่งมอบให้กับ sub-units ซึ่งเป็นครูฝึกที่มาจากกองทัพบกอังกฤษ หรือกองทัพบกพันธมิตร แบ่งไปตามหัวข้อที่ตนถนัด
ชาวยูเครนที่เดินทางโดยเครื่องบิน เมื่อมาถึงจะถูกส่งไปยังค่ายฝึกโดยทันที ในห้วงสองวันแรกจะเป็นการปฐมนิเทศ แจกจ่ายสิ่งอุปกรณ์จำเป็น ที่เรียกว่า Black Bag ซึ่งในนั้นจะมีสิ่งอุปกรณ์ตามมาตรฐาน NATO standard 65 รายการ ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้าเครื่องแบบ และอาวุธประจำกาย ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ สามารถนำกลับใช้ในการรบหลังจากเสร็จการฝึก
ทหารใหม่ ฝึกอะไรบ้างใน Recruit Course
เป็นหลักสูตรสำหรับคนหนุ่ม หรือ สาว ที่ไม่มีเคยพื้นฐานทางทหารมาก่อนเลย แต่สมัครใจ หรือถูกเกณฑ์เข้ามาทำหน้าที่ มีร่างกายที่แข็งแรง โดยจะเริ่มการฝึกปรับพื้นฐาน ได้แก่ การใช้อาวุธประจำกาย Skill At Arms (SAA), การปฐมพยาบาล (Med) และการส่งกลับผู้บาดเจ็บ เป็นต้น โดยใช้เวลาประมาณ 7-10 วันถือเป็นการปรับสภาพให้เกิดความพร้อม จากนั้นเข้าสู่ห้วงที่สอง เป็นการฝึกทักษะการสู้รบเป็นบุคคลเช่น การวิ่ง การโผ การเข้าที่กำบัง ซ่อนพราง ใช้เวลาอีกราว ๆ 1 สัปดาห์ จากนั้นจะเข้าสู่การฝึก ทักษะพลแม่นปืน Live Fire Markmanship Training (LFMT) และการฝึกยิงปืนด้วยกระสุนจริง Live Fire Tactical Training (LFTT) ในห้วงสุดท้ายของการฝึก
การฝึกครู Basic Training Instructor Course
เป็นการฝึกพื้นฐานการสอน ให้กับคนที่มีความรู้ ประสบการณ์มาบ้าง หรืออาจเป็นผู้ที่ร่างกายไม่ สามารถตรากตรำไปรบได้ด้วยตนเองในแนวหน้า หรือเป็นผู้มีอายุมาก จะถูกนำมาฝึกเพื่อให้เป็นครูหรือผู้ช่วยครู กลับไปสอนทหารใหม่ที่บ้านเกิด โดยจะสอนในเรื่อง ทฤษฎีการสอน หลักนิยม การเตรียมสนามฝึก การปฏิบัติในสนามยิงปืน การจัดทำแผนการฝึก เป็นต้น
Junior Leader เป็นหลักสูตรที่สำคัญที่สุด
ผู้บังคับหมู่ และนายสิบประจำหมวด หรือจ่ากองร้อย คือผู้นำหน่วยทางยุทธวิธีขนาดเล็ก ที่สำคัญที่สุดในการเอาชนะการต่อสู้ระดับยุทธวิธี ซึ่งเป็นความต้องการอย่างเร่งด่วนที่สุดของ AFU การฝึกจึงมุ่งเน้นที่จะสร้างให้ทหารยูเครน มีขีดความสามารถในระดับ Junior Leader โดยออกแบบการฝึกเป็น modules ตามกิจเฉพาะที่กำหนด เช่นการลาดตระเวน ซุ่มโจมตี การต่อต้านโดรน หรือ การเคลียร์อาคาร เป็นต้น ครูฝึกประจำกลุ่มจะเป็นผู้ประเมินและพิจารณาว่า จะฝึกเรื่องใดก่อนหลัง Junior Leader จะต้องมีขีดความสามารถบังคับบัญชา สื่อสาร กำกับดูแล วางแผน ออกคำสั่งในหมู่ของตนเอง ให้สามารถปฏิบัติการภายใต้หน่วยระดับหมวด หรือแยกเป็นชุดลาดตระเวนได้ ส่วนใหญ่ผู้ที่มาฝึกในหลักสูตรนี้ จะมีพื้นฐานมาก่อนในระดับหนึ่ง ครูฝึกจะทำการ pre-test เพื่อทดสอบและดูว่า มีสิ่งใดที่สามารถทำได้มาก่อน ก็จะไม่ฝึกซ้ำ นำเวลาไปพัฒนาด้านอื่นที่ยังขาด ส่วนใหญ่ก็จะเน้น การปฏิบัติเป็นหน่วยระดับหมู่ (หมู่ของ British Army เรียก Section ไม่ได้เรียก Squad เหมือน US หรือไทย) ในห้วงท้ายหลักสูตร จะเน้นไปที่ Combined Field Training Exercise (Combined FTX) คือการปฏิบัติในสถานการณ์จำลอง ในสภาพพื้นที่ และเหตุการณ์ที่จะต้องประสบพบเจอให้ใกล้เคียงกับการรบจริงให้มากที่สุด
จำลองพื้นที่ฝึกให้ใกล้เคียงกับสมรภูมิรบ
เนื่องจากเป็นการฝึกระยะสั้นสำหรับคนจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องทำให้ผู้รับการฝึกเกิดความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในสนามรบ ให้เสมือนจริงมากที่สุด จึงให้ความสำคัญกับการจำลองพื้นที่ฝึก ที่ทหารยูเครนจะต้องเข้าทำการรบบ่อยที่สุด 3 ลักษณะคือ
- การรบในพื้นที่ป่า ภูเขา (Fighting in woods and forests)
- การรบในเมืองและพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง (Urban Drill)
- การรบในสนามเพลาะ (Trench Warfare)
ในค่ายฝึก Wretham Camp เมือง Norfolk ห่างจากลอนดอนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ นั่งรถราว 2 ชั่วโมง เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ใช้ทำการฝึกของ Op INTERFLEX ที่นี่เป็นหน่วยฝึกทหารของกองทัพบกอังกฤษมาก่อนอยู่แล้ว จึงมีความพร้อมในการปรับสภาพแวดล้อมได้เหมือนจริง มีพื้นที่ครบทั้งสามแบบ สามารถใช้ยิงปืนด้วยกระสุนจริงได้ มีที่พักผ่อน ที่รับประทานอาหาร มีโบสถ์คริสต์ บริการซักเสื้อผ้า ซึ่งทหารยูเครนที่มาฝึกจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกภายนอกค่าย
สื่อสารกันอย่างไร เมื่อพูดกันคนละภาษา
ชาวยูเครนไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และผู้มาฝึกก็ใช่ว่าจะมีการศึกษาที่ดีทุกคน ดังนั้นส่วนใหญ่ที่มา ก็ไม่สามารถพูดหรือฟังภาษาอังกฤษได้ดีนัก ดังนั้นจึงต้องใช้ “ล่าม” มาคอยแปลภาษาให้ จากที่สังเกตเห็นล่ามส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงชาวยูเครน ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เข้าใจว่าน่าจะเป็นอาสาสมัครมารับใช้ชาติในอีกรูปแบบหนึ่ง มีตั้งแต่วัยรุ่นไปจนวัยกลางคน ต้องใช้ล่ามจำนวนมาก แทบจะเป็นอัตราส่วน 1-2 หมู่ทหารราบ ต่อล่าม 1 คน เลยทีเดียว ซึ่งคนที่ทำหน้าที่ล่าม ก็ต้องทรหดไม่แพ้ทหารที่กำลังฝึก เพราะต้องไปอยู่ในทุกที่ ทุกเวลา ตลอดเวลา มิฉะนั้นก็จะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง การแปลภาษาในภารกิจนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะ ชุดครูฝึกบางทีก็จะหมุนไปเจอครูที่จัดจากชาติพันธมิตร เช่นออสเตรเลีย สวีเดน ซึ่งก็ใช้ภาษาอังกฤษคนละสำเนียง หรือแม้แต่ทหารอังกฤษทางสก็อตแลนด์ หรือทางใต้ ที่มีสำเนียงแบบ ขนาดคนอังกฤษด้วยกัน บางทียังไม่เข้าใจ ทำให้บางครั้งก็ประสบปัญหา หรือเกิดความเข้าใจผิดบ้างบ้างเหมือนกัน
ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร ตลอดเวลา
ถึงแม้ว่า Op INTERFLEX จะดำเนินการฝึกมาเกือบ 2 ปีแล้วก็ตาม รูปแบบหรือหลักสูตรก็จะยังคงถูกปรับปรุง พัฒนาให้เหมาะสม สมจริงกับสิ่งที่ต้องพบเจอในสนามรบอยู่ตลอดเวลา (Relevant & Realistic) โดยนำบทเรียนจากการรบของ ทหารยูเครน หรือหน่วยสนับสนุนของ NATO National Support Elements (NSE) ที่กำลังรบอยู่ในแนวหน้า มาใช้เป็นแนวทางออกแบบหลักสูตร โดยยึดหลักการ 3 ประการ คือ
- Lethality แปลตรง ๆ ประมาณแบบ ถ้าจะรบก็ต้องเอากันให้ถึงตาย ขนาดนั้นเลย
- Survivability ต้องเอาตัวเอง และหน่วยให้รอดในสนามรบ
- Offensive Spirit และจิตใจรุกรบห้าวหาญ
และถ้าเป็นระดับ Junior Leader ขึ้นไป จะเพิ่มเติมด้วยการทำให้ พวกเขาเหล่านั้นรู้วิธีการเสริมสร้างให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตน เข้าใจและยึดถือหลักการข้างต้นด้วยเช่นกัน
ผลงานของ Op INTERFLEX ที่ผ่านมา
ได้ฝึกทหารให้แก่กองทัพยูเครนในดินแดนของอังกฤษ ไปแล้วกว่า 36,000 นาย ตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อ มิ.ย.2022 โดยจะหมุนเวียนเข้ามาฝึกเป็นรอบ และเพิ่มความถี่ของวงรอบมากขึ้นเพื่อผลิตทหารยูเครนให้พร้อมทำการรบ ทดแทนการสูญเสียและดำรงความหนุนเนื่องในการทำสงคราม มีชาติพันธมิตรเข้ามาร่วมเป็นชุดครูฝึกมากขึ้น จนสามารถรับกำลังพลมาฝึกเพิ่มเป็น 130 เที่ยวบินในทุก 6 เดือน
อาจกล่าวได้ว่า สหราชอาณาจักร ได้ให้การสนับสนุนยูเครน ทั้งในด้านงบประมาณ ยุทโธปกรณ์ การฝึกกำลังพล ทำให้ยูเครนสามารถยืนหยัด ต่อสู้กับมหาอำนาจอย่างรัสเซีย มาได้กว่า 2 ปี จนยังไม่สูญเสียเอกราชของตน ซึ่งรัฐบาล กองทัพ และประชาชนชาวอังกฤษ ต่างก็พร้อมใจกันสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อให้สงครามในครั้งนี้ยุติลง เพราะความมั่นคงของยูเครน ย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาคยุโรปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การจำกัดพื้นที่การรบย่อมดีกว่าปล่อยให้ขยายวงกว้าง จนไม่สามารถควบคุมได้
ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
เราเคยมีมุมมองกันว่าในยุคหลังสงครามเย็น เป็นยุคของการก่อการร้าย การก่อความไม่สงบ หรือสงครามในพื้นที่จำกัด เฉพาะบริเวณ ทำให้หลายชาติไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีกำลังทหารขนาดใหญ่ สำหรับใช้ในการรบตามแบบ (Conventional Warfare) อีกต่อไป จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีทางทหาร ลดขนาดกองทัพให้มีความกระทัดรัด แต่คล่องตัวสูง แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นใน สงครามรัสเซีย – ยูเครน ยุคปัจจุบัน กลายเป็นการผสมผสาน ของการรบตามแบบ ที่ต้องใช้เวลายืดเยื้อยาวนาน กับเทคโนโลยีทันสมัย แต่ราคาถูก เช่น โดรน ที่สามารถจัดหาได้ตามท้องตลาด หรือที่เรียกกันว่า Commercial-Off-The-Shelf (COTS) กลับเป็นภัยคุกคามที่ทำลายชีวิตทหารมากที่สุด เทคโนโลยีราคาสูง รถถังไม่สามารถต้านทาน ปริมาณของโดรนจำนวนมาก ที่ใช้ในสนามรบได้ ทักษะการรบเป็นบุคคล จึงกลับมามีความสำคัญอีกครั้ง กำลังทหารมีความต้องการเพิ่มขึ้น เมื่อระยะเวลาการรบยืดเยื้อยาวนาน ในกรณีของยูเครน ถึงแม้ว่าประชาชนชาวยูเครน มีความรักชาติสูง พร้อมยอมตายเพื่อรักษาเอกราชของชาติ แต่ยูเครนก็ไม่สามารถนำพลเรือน กองหนุนเหล่านี้ มาใช้งานได้เลย หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก Operation INTERFLEX
” ..ปัจจัยหลักประการหนึ่งในการรบ ที่เรียกว่า ขวัญกำลังใจ มันคือความประสงค์ที่จะรบให้ชนะ และ ณ ที่นี่เรามี หญิง ชาย ชาวยูเครน ที่พวกเขาเหล่านั้น ต่างมีครอบครัวที่รัก มีอาชีพการงาน และกำลังต่อสู้เพื่อประเทศชาติ เพื่ออุดมการณ์ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขายังไม่แพ้ และพวกเขาจะไม่มีวันพ่ายแพ้หากสิ่งนี้ยังคงอยู่ เพราะมันคืออนาคตของพวกเขา เพราะนั่นคือ ยูเครน เอกราชของชาติที่พวกเขาจะไม่ยอมสูญเสีย ให้กับความทะเยอทะยานของ คนชื่อ ปูติน “
General Sir Patrick Sanders , Chief of General Staff , British Army
แหล่งข้อมูล ได้จากการเยี่ยมชมการฝึก เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2024 และข้อมูลบางส่วนที่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ได้ เสริมด้วยข้อมูลจากสื่อออนไลน์ของ MoD สามารถดูตัวเต็มได้ที่ 👉🏻 คลิ๊กเลย
ติชม หรือ อยากให้เขียนเรื่องอะไรต่อ คอมเม้นท์ไว้ด้านล่างนะครับ 🫰🏻
แอดมิน ลุงกรุ้ง
Leave a Reply